Title: I’m here.
Pair: Thorki
Rate: G
Note: แรงกาวที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ ฮือ
– I’M HERE –
“หากเจ้าอยู่ตรงนี้ข้าคงกอดเจ้าไปแล้ว”
น้ำเสียงทีเล่นทีจริงของคนเป็นพี่ชายดังกังวานในห้องที่เงียบเชียบจนสามารถได้ยินเสียงเครื่องยนต์ทำงานของยานมาเป็นระยะๆ โลกิมองผู้เป็นพี่ชายที่กำลังยกแก้วบรรจุของเหลวขึ้นดื่มทันทีที่พูดประโยคดังกล่าวจบ พลันหัวใจของเขากระตุกวูบกับถ้อยคำแสนห่างเหินนั้น
จริงอยู่ที่เขามักจะใช้พลังมายาในการไปปรากฏตัวต่อหน้าธอร์หรือคนอื่นอยู่บ่อยๆ จะทำอย่างไรได้เล่า เขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างพี่ชายหรืออย่างท่านพ่อที่สามารถต่อกรกับศัตรูด้วยมือเปล่าได้ เขาเองเป็นแค่ยักษ์นำ้แข็งที่ถูกเก็บมาเลี้ยงเท่านั้น ไม่ได้มีพลังของเทพหรือผู้ปกครองอะไรใดๆทั้งสิ้น
ชายหนุ่มผินหน้าไปทางอื่นพร้อมกับกำมือแน่น
โลกิไม่ได้ต้องการอ้อมกอดใดๆ
เขาไม่ได้ต้องการคำปลอบใจอันแสนอ่อนโยนเพียงเพราะว่าบ้านหลังที่เรียกว่าแอสการ์ดล่มสลายจากปากคนตรงหน้า
สำหรับเขา สิ่งที่เรียกว่าบ้านจะไม่สมบูรณ์แบบหากปราศจากสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว เพราะฉะนั้นโลกิไม่อยากเรียกเรืออพยพลำนี้ว่าบ้านเพียงเพราะว่ามันต้องกลายเป็นที่ซุกหัวนอนของเขาและประชาชนชาวแอสการ์ดจนกว่าจะถึงมิดการ์ดหรือหาดาวดวงเคราะห์ดวงใหม่ทดแทนได้
โลกิแค่ต้องการยืนยันให้แน่ใจว่าคนในครอบครัวของเขายังมีชีวิตอยู่ แม้จะเหลือแค่เพียงคนเดียวกับดวงตาเพียงข้างเดียวก็ตามที แค่อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่แค่นั้นก็เกินพอสำหรับคนเป็นน้องชายแล้ว
เกินพอแล้วสำหรับโลกิ
อ้อมกอดอะไรนั่นไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ ขอแค่อีกฝ่ายรู้สึกเช่นเดียวกันกับที่เขารู้สึก ขอแค่อีกฝ่ายมองมาที่ตัวตนของเขาอย่างเช่นในวันวานครั้งอดีตไม่ใช่ภาพมายาอย่างที่เขาเคยทำมาโดยตลอด
“ข้าเคยคิดว่าความตายของโอดินจะแยกเราจากกันได้” …สุดท้ายแล้วข้าไม่สามารถเดินแยกจากท่านได้เลย
น้ำเสียงและมือสั่นเทาอย่างควบคุมได้ยาก เขาจึงคลายมือที่กำแน่นออกหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาอาการสั่นเทานั้นได้ ดวงตาคู่สวยปิดลงช้าๆหมายจะหลบสายตาที่แสนห่างเหินและไม่คุ้นเคยของพี่ชาย
สมองสั่งการให้ไปจากตรงนี้เสียแต่ขาทั้งคู่มันกลับทรยศยังคงอยู่ที่เดิมราวกับรอคอยบางอย่าง
สัญชาตญาณลั่นเตือนถึงบางสิ่งที่กำลังตรงดิ่งมาทางตน โลกิเบิกตา ประกายสีเงินแวววับพุ่งตรงมาจากคนตรงหน้า เขารับมันไว้ได้อย่างมั่นคง
คนเป็นพี่ชายค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา
เป็นรอยยิ้มที่ซ้อนทับกับภาพในอดีตของเด็กวัยไร้เดียงสาสองคนที่แอบวิ่งเล่นไปทั่วแอสการ์ดทำให้ท่านแม่และทหารหลายนายต้องวิ่งตามจับพี่น้องสองคนนี้ไว้หลายต่อหลายครั้ง
ตลอดชีวิตที่จำความได้เขามีพี่ชายแค่เพียงคนเดียวที่เขานับถือ พี่ชายคนที่อ่อนโยนกับน้องชายแต่จะหัวแข็งและดื้อด้านเวลาอยู่กับผู้เป็นพ่อ
พี่ชายที่มักจะเข้ามาโอบกอดน้องชายในวันที่ตื่นจากฝันร้าย
พี่ชายคนโตที่จะตามมาปกป้องทุกครั้งเมื่อรู้ว่าน้องชายกำลังตกอยู่ในอันตราย
พี่ชายคนเดียวที่ไม่หนีไปไหนแม้จะโดนน้องชายลอบสังหารทุกสามเวลาหลังอาหาร
พี่ชายตัวใหญ่ที่ร้องไห้เป็นเผาเต่าเพราะคิดว่าน้องชายตายแล้ว
พี่ชายที่อยู่เคียงข้างน้องชายมาโดยตลอด
ธอร์อยู่ข้างโลกิมาโดยตลอด
เมื่อนึกภาพในสมัยเด็กความรู้สึกดีที่มีให้กันมันก็ตีตื้นขึ้นมาในอกราวกับเป็นการตอกย้ำว่าแท้จริงแล้วทั้งสองคนไม่เคยจะห่างกันไปไหน ชายหนุ่มมองรอยยิ้มของคนตรงหน้า ความรู้สึกอบอุ่นและนุ่มนวลที่ไม่ได้สัมผัสมานานถูกส่งผ่านรอยยิ้มนั้นทำให้อดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับไป
“ข้าอยู่ตรงนี้”
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกวงแขนแข็งแกร่งและมั่นคงของพี่ชายโอบกอด ธอร์เพิ่มแรงเข้าไปทำให้โลกิแทบจะจมหายไปในแผงอกของพี่ชาย มือของคนเป็นน้องชายค้างเติ่งกลางอากาศก่อนจะค่อยๆกอดร่างสูงใหญ่กลับอย่างเก้กัง
“โชคดีที่เจ้าอยู่ตรงนี้”
การแอสการ์ดล่มสลายลงไปนั่นเทียบไม่ได้เลยกับการที่ต้องสูญเสียน้องชายเพียงคนเดียวของตนไปในสงครามครั้งนี้ อ้อมแขนแกร่งเพิ่มแรงให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อเป็นการยืนยันว่าน้องชายของเขายังมีตัวตนและไม่ได้เป็นภาพมายาอย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด
คนเป็นพี่ชายซุกหัวไว้ที่ไหล่ของน้องชาย ขยับตัวอีกครั้งเพื่อให้อ้อมกอดครั้งนี้แนบแน่นกว่าครั้งไหนๆอย่างหวงแหนทำให้ร่างที่เล็กกว่าต้องเอนไปข้างหลังเล็กน้อยเพื่อรับน้ำหนักตัวของพี่ชายไว้ เสียงทุ้มกระซิบเบาๆที่ข้างหูโลกิ
“ข้าจะไม่ให้เจ้าไปไหนอีกแล้ว โลกิ”
โลกิคลี่ยิ้มบางเบาแล้วซุกกลับที่ไหล่ของอีกคนเช่นกัน เขากำผ้าคลุมของธอร์ไว้แน่นเมื่อความรู้สึกดีอันหลากหลายภายในอกมันกำลังปะทุออกมาเหมือนพลุดอกไม้ไฟหลากสีสันในยามกลางคืนของงานเทศกาล ร่างกายเบาหวิวเมื่อได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นเดียวกันจนทำให้ไม่สามารถหุบยิ้มลงได้
“ข้าจะไม่หายไปไหนอีกแล้วท่านพี่ ข้าสัญญา”
FIN
หลังจากที่เป็นผีสิงในเรือธอร์กิมาช้านาน ในที่สุดก็ได้แต่งคู่นี้สัก นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะเพราะเราทนความกาวนั้นไม่ไหวจริงๆ ฮือออ