TMI series Fanfiction

Shadow Hunters [MALEC]The simple things.

[Shadow Hunters]

The simple things.

Malec

 

เกือบจะอาทิตย์นึงแล้วที่อเล็คไม่ได้กลับบ้าน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน การที่หัวหน้าสถาบันจะค้างที่ห้องทำงานตัวเองดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ แถมยังเป็นเรื่องที่ดีมากๆด้วยซ้ำที่หัวหน้าสถาบันจะอยู่ประจำการทั้งเช้าและเย็นถึงแม้ว่ามันจะไม่มีกฏข้อไหนบอกไว้ก็ตาม เมื่อก่อนเขาคิดว่าสถาบันคือสถานที่ที่สำคัญที่สุด

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เพราะเขามีบ้านให้กลับ และบ้านหลังนั้นก็มีแม็กนัสคอยต้อนรับด้วยจูบที่แสนอบอุ่น-บ้านของพวกเรา

เพียงแต่ว่าช่วงนี้มีข่าวการปรากฏตัวอย่างลึกลับของราชินีเผ่าพันธุ์โบราณที่พวกเขาไม่รู้จัก ทำให้หัวหน้าสถาบันอย่างเขาจำเป็นต้องกลับมาควบคุมสถานการณ์ตามหน้าที่อย่างที่เคยเป็นก่อนหน้านี้

“ได้อะไรมาบ้าง” เขาเอ่ยถามอันเดอร์ฮิลล์ที่เจ้าตัวกลับมาจากการสืบหาข้อมูลตามที่ได้รับมอบหมายกับแฟ้มปึกใหญ่และหนังสือเก่าๆอีกสองสามเล่ม อเล็คเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เย็นนี้คงยังไม่ได้กลับบ้าน เขาคิดพลางบีบระหว่างหัวคิ้ว เสียงประตูเปิดเข้ามาอย่างรีบร้อน เป็นร่างของเจซและอิซาเบลที่ได้ข้อมูลมารายงานเขาเช่นกันกับอันเดอร์ฮิลล์

การประชุมที่แสนตึงเครียดกำลังเริ่มขึ้น อเล็คทำได้เพียงหมุนแหวนที่นิ้วนางมือซ้าย หวังว่ามันจะช่วยส่งความคิดถึงของเขาถึงคนที่บ้านได้บ้าง

.

.

.

        พ่อมดแห่งบรูคลินถือวิสาสะแหวกอากาศเข้ามาในห้องทำงานของอเล็คที่สถาบัน

และภาพเบื้องหน้าเขาตอนนี้ก็คือฮัสกี้ตัวโตกำลังนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตนเองโดยที่หัวคิ้วยังขมวดปมไว้แน่น แม็กนัสมองกองเอกสารที่ไม่เป็นระเบียบบนโต๊ะทำงานแล้วก็แอบหงุดหงิดนิดหน่อยจนอดไม่ได้ที่จะดีดนิ้วเบาๆให้สิ่งที่เกะกะเหล่านั้นเป็นระเบียบเรียบร้อยตามคำบัญชา

ขายาวพาตัวเองเข้าไปหาคนที่หลับสนิท อดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วเคาะลงไปที่ปมหัวคิ้ววินาทีต่อมาคนหลับที่ถูกรบกวนก็มุ่ยหน้าแล้วขยับตัวนิดหน่อยอย่างรำคาญ เขาหัวเราะคิกคักเบาๆ

งานของพ่อมดช่วงนี้เองก็ยุ่งไม่ต่างอะไรกับงานของนักล่าเงา นั่นทำให้พวกเขาแทบไม่ได้เจอกันเลยตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา

บ้านที่ไม่มีอเล็คน่ะ มันเหงาเกินไป แม้ว่าเขาจะเคยอยู่คนเดียวมาหลายร้อยปีก็ตาม แต่สำหรับตอนนี้มันต่างออกไป

การมีอเล็คอยู่ในชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทำให้เขาตระหนักได้ว่าเวลามันผ่านไปไวกว่าที่คิด เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่อยากจะใช้เวลาไปอย่างสูญเปล่าอีกต่อไปแล้ว ชีวิตมนุษย์น่ะ มันไม่ได้ยืนยาวอย่างชีวิตของพ่อมดหรอก ถึงแม้จะเข้าใจข้อนั้นดีแต่ก็ยังทำใจรับมันไม่ได้อยู่ดี

แม็กนัสเอื้อมมือไปกุมมือของคนตัวใหญ่ไว้ และเหมือนมันจะทำให้อีกคนรู้สึกตัวจนได้

“แม็กนัส?” อเล็คพยายามปรับโฟกัสสายตา แม็กนัสยิ้มอ่อนโยนก่อนจะบีบจมูกเขาไปมาแล้วโน้มตัวลงมาจูบเขา

“งานเป็นไงบ้าง” พ่อมดถามขณะที่โดนโอบเอวให้นั่งลงบนตักของอเล็ค คนตัวใหญ่ยังไม่ตอบอะไรพร้อมกระชับกอดให้แน่นขึ้นแล้วซุกหัวกับลาดบ่าของพ่อมดอย่างคิดถึง “กอดแน่นไปแล้วอเล็คซานเดอร์”

“คิดถึง”

“คิดถึงเหมือนกัน” เขาตอบกลับเสียงออดอ้อนในลำคอนั่นแล้วหัวเราะ ก่อนจะยกมือกุมใบหน้าของฮัสกี้ขี้อ้อนตัวโตไว้ตรงหน้า

พ่อมดพิจารณาใบหน้าอีกฝ่าย ดวงตาสีเฮเซลนัทฉายแววเหนื่อยล้าออกมาอย่างชัดเจน ใบหน้าหยาบกร้านขึ้นนิดหน่อย ส่วนหัวคิ้วที่ขมวดปมกันแน่นก่อนหน้านี้ถึงมันจะคล้ายลงนิดหน่อยแต่เขาก็ไม่ชอบใจอยู่ดี พ่อมดเตรียมกรีดนิ้วร่ายคาถาที่ช่วยให้คนรักสบายตัวขึ้นก็ถูกอเล็คคว้ามือมาจุมพิตเบาๆ

“ไม่จำเป็นต้องร่ายคาถาอะไรหรอก” มือใหญ่ลูบต้นคอคนในอ้อมกอด “แค่นายอยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว”

แม็กนัสระบายยิ้ม “เป็นอะไรที่ง่ายจังนะ” แล้วจุ๊บจมูกคนตรงหน้าเบาๆ

“อืม” นักล่าเงาขานรับในลำคอ “ผมปวดหัวจังแม็กนัส”

พ่อมดถูกห้ามร่ายคาถาอีกรอบ เขายกคิ้วสงสัย แต่แล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อคิดวิธีรักษาอาการปวดที่แสนง่ายดายได้

ริมฝีปากบางประทับลงไประหว่างหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมให้คลายกังวลลงก่อนจะผละออกมา

“เห็นมั้ยว่ามันได้ผลพอๆกับเวทมนต์” อเล็คจูบกลับแทนคำขอบคุณ “เมื่อวานผมเพิ่งไปลงภาคสนามมา โดนต่อยที่แก้มซ้ายด้วย”

แม็กนัสเม้มปากแต่มุมปากกลับยกยิ้ม แอบไม่ชินกับลูกอ้อนแบบนี้นิดหน่อยแต่ยอมรับว่ามันรู้สึกดีเป็นบ้า มันทำให้เขาเขินมากๆในตอนนี้ เขาจุ๊บแก้มข้างที่อเล็คได้บอก คนตัวใหญ่ได้ใจก่อนจะหันอีกข้างให้แล้วบอกว่า “ข้างนี้ก็โดน” คนในอ้อมกอดหัวเราะก่อนจะเข้ามาจุ๊บหนักๆอย่างหมั่นเขี้ยว

เสียงหัวเราะคิกคักของทั้งสองดังสลับกับเสียงพูดคุยหยอกล้อกันของทั้งสอง อเล็คชอบเวลาที่แม็กนัสอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง ทั้งเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่แสนยาวนานหรือจะเป็นเรื่องเรื่อยเปื่อยอย่างการไปช่วยพ่อมดคนอื่นๆในบรูคลิน

“แล้วก็นะ เมื่อวานนี้ฉันเพิ่—“ ยังไม่ทันที่พ่อมดจะพูดจบประโยค คำพูดทั้งหมดก็ถูกทำให้เงียบลงเพราะริมฝีปากของนักล่าเงา

จูบที่เริ่มแรกเป็นเพียงการคลอเคลียไร้ซึ่งการรุกล้ำใดๆ มันค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆและบดเบียดเข้ามาอย่างโหยหา ความคิดถึงที่ถูกสะสมและเก็บกดไว้ถูกระบายออกมาผ่านริมฝีปากที่สัมผัสถึงกัน มันกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อต่างฝ่ายต่างเบียดร่างกายแนบชิดกัน

เขาไม่สามารถหยุดจูบคนตรงหน้าได้อีกแล้ว

 

 

 

Leave a comment