#Wayleska
ผ้าม่านสีนวลปลิวสไวตามแรงลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอนบานใหญ่ที่ถูกเปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน กองหนังสือที่บางเล่มถูกเปิดทิ้งไว้อย่างรอคอยให้อ่านต่อนอนแผ่อยู่ที่พื้นอย่างระเกะระกะและผิดปกติไปจากนิสัยเจ้าระเบียบของเจ้าของห้องนอนอย่างบรูซ เวยน์ ซึ่งเจ้าตัวก็กำลังนอนหลับฝันดีอยู่บนเตียงที่ยับยู่ยี่ เขาส่งเสียงเบาๆเมื่อคนที่นอนกอดจากด้านหลังขยับกอดให้แน่นขึ้นพร้อมกับซุกหัวเข้ากับต้นคอด้านหลังเขาเพื่อหลบแสงสว่างที่สาดเข้ามาในห้องนอน
เจเรไมห์ วาเลสก้า
เสียงนาฬิกายังเดินไปพร้อมกับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของทั้งคู่ โดยปกติแล้วบรูซจะไม่ชอบการต้องตื่นแต่เช้า เขาจึงหลับสนิทโดยที่ไม่ได้สนใจว่าแสงแดดจะสว่างเข้ามาในห้องมันจะมากเพียงใดหรือจะโดนกอดจนอึดอัดแค่ไหนเขาก็แค่ขยับตัวหนีแสงสว่างรบกวนสายตาเหล่านั้นไปอีกทางแล้วเป็นฝ่ายกอดกลับจนคนที่นอนด้วยแทบจะจมหายไปในตัว
และการกระทำนั้นก็ทำให้เจเรไมห์รู้สึกตัวและตื่นลืมตา เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นสม่ำเสมอเช่นเดียวกับเสียงลมหายใจของบรูซ คนเด็กกว่าคงยังไม่รู้ตัวว่าเขาเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อเอาหูแนบกับหน้าอกใต้เสื้อสเวสเตอร์สีดำนั้นเพื่อฟังเสียงแสนเบาหวิวนั้น
กลายเป็นว่าเขาชอบฟังเสียงหัวใจของบรูซเข้าให้เสียแล้วหลังจากที่ได้นอนกอดอีกคนทั้งคืน มันทำให้อบอุ่น ปลอดภัย และเพราะกว่าเสียงเพลงใดๆที่เขาเคยได้ฟังมา
“ผมรู้ว่าคุณกำลังสียใจ เจเรไมห์ เพราะฉะนั้นผมจึงไม่อยากที่จะทิ้งคุณไว้คนเดียว”
ประโยคเดียวที่พังทลายกำแพงทั้งหมดระหว่างเขากับบรูซ เจเรไมห์โผเข้ากอดคนเด็กกว่าอย่างอ่อนแรง
อาจจะเป็นเพราะทั้งคู่ต่างก็ผ่านการสูญเสียครั้งสำคัญกันมาแล้วจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเข้าใจความรู้สึกอันน่าเศร้าที่แอบซ่อนอยู่ในใจของกันและกัน พวกเขาเปิดใจคุยกันในหลายๆเรื่องตั้งแต่มาถึงคฤหาสน์ เจเรไมห์ก็ตกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยเพราะการพูดเยอะไม่ใช่พื้นฐานนิสัยของเขา อัลเฟรดพ่อบ้านประจำตระกูลช่วยดูแลเขาเป็นอย่างดีในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันเรื่องหนังสือภายในห้องนอนของบรูซ ทำให้เขาได้ค้นพบอีกอย่างว่าพวกเขาทั้งสองมีความชอบหลายอย่างที่เหมือนกัน
จนกระทั่งที่เวลาล่วงเลยไปจนดึกและเขารู้ตัวว่าควรกลับ
“ผมคิดว่าผมควรกลับได้แล้ว”
“มิสเตอร์เจเรไมห์” บรูซร้องเรียกทันทีที่เขาแตะกลอนประตูห้อง “เอ่อ ดึกขนาดนี้แล้ว จะค้างที่นี่ก็ได้นะครับ อัลเฟรดน่าจะจัดห้องนอนแขกไว้ให้เรียบร้อยแล้วล่ะครับ”
เจเรไมห์ยิ้ม “ขอบคุณครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับบทสนทนาที่แสนวิเศษตลอดทั้งบ่ายจนถึงตอนนี้ด้วย”
“ด้วยความยินดีครับ” บรูซยิ้มแต่หลบสายตาราวกับซ่อนบางอย่างไว้ เจเรไมห์หยิบเสื้อโค้ทมาถือไว้หันหน้าเขาประตูส่วนมือก็จับกลอนประตูไว้นิ่ง ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครขยับจากตำแหน่งเดิมเลยสักก้าวเดียว
มีอะไรบางอย่างทำให้เจเรไมห์หยุดนิ่งอยู่แบบนั้น อะไรบางอย่างที่อธิบายได้ยาก และอะไรบางอย่างที่ว่านั่นก็คืออะไรบางอย่างที่อยู่ระหว่างเขาและบรูซ เจเรไมห์สามารถสัมผัสมันได้แต่ไม่สามารถอธิบายมันออกมาเป็นคำพูดได้ เขารู้แค่ว่าต้องการอยู่ต่ออีกสักหน่อยเท่านั้นเอง
เจเรไมห์แค่ไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้ และเขาค่อนข้างแน่ใจว่าบรูซก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
“ผมคิดว่า..” เสียงบรูซใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “..ผมควรเดินไปส่งคุณที่ห้องนอนแขก”
เขาตัดสินใจทิ้งเสื้อโค้ทและหันกลับไป
แล้วเขาก็เป็นคนเริ่มจูบแรกนั้นเอง
ความรู้สึกเบาหวิวแสนหอมหวานจากริมฝีปากค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนรู้สึกจั๊กจี้ที่ปลายนิ้วที่กำลังอุ้มใบหน้าของคนเด็กกว่าไว้ เจเรไมห์เริ่มจะอธิบายอะไรบางอย่างนั้นได้ เริ่มจากความรู้สึกที่เหมือนถูกเหวี่ยงขึ้นไปจนจุดสูงสุดของท้องฟ้าแล้วสายลมเบาๆก็พัดเอาริ้วเมฆสีขาวปุยมากระทบร่างกาย มือที่โอบใบหน้านั้นเหมือนกับการยื่นมือออกไปจับสายลมริ้วเมฆให้ความอ่อนโยนนั้นไหลผ่านข้อนิ้วไปถึงหัวใจได้เต้นแรงขึ้นมา
แล้วเขาก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้านั่นอย่างรวดเร็วเมื่อคิดได้ว่าที่ทำอยู่ในตอนนี้มันไม่ถูกต้อง
“ขอโทษครับ” เจเรไมห์ถอยหลังไปพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น เขาทำผิดพลาดไปมหันต์ “ผมควรต้องกลับจริงๆ”
ใช่ เขาควรต้องกลับจริงๆ
แต่ทว่ากลับถูกดึงเอาไว้จากเจ้าของห้อง วินาทีถัดมาความนุ่มที่ยังไม่ทันหายจากริมฝีปากของเขาก็กลับมาทักทายเขาอีกรอบ
บรูซเป็นคนเริ่มจูบครั้งที่สอง
และพวกเราก็ไม่สามารถที่จะหยุดความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อมรอยจูบได้อีกต่อไป
.
.
.
เจเรไมห์ไม่อยากทำให้บรูซตื่นตอนนี้จึงเลือกที่จะนอนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งที่บรูซเลิกกอดแล้วหันไปอีกทางแทนเขาจึงค่อยๆลุกนั่งให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรี่ตาลงแทบเป็นเส้นตรงเพราะความพร่าเบลอจากสายตาสั้นประกอบกับเพิ่งตื่นนอนทำให้ศักยภาพในการมองเห็นยิ่งแย่ลงไปอีก มือก็แปะป่ายไปทั่วหัวเตียงเพื่อหาแว่นตาของตนซึ่งเขาจำได้ว่าเขาวางมันไว้ตรงนั้นเมื่อคืนนี้
แล้วข้อมือก็ถูกจับไว้ จากนั้นแว่นตาก็ถูกวางลงมาในมือ เขาสวมแว่น
“ขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตื่น” เจเรไมห์หมายความตามนั้นจากใจจริง เขามองอีกคนที่นอนตะแคงมาทางเขากำลังส่งยิ้มแป้นกับตาที่ยังไม่เบิกเต็มที่ ภาพนั้นทำให้เขาหลุดขำออกมาเบาๆ บรูซในด้านนี้เขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน และคิดว่าอาจจะไม่มีโอกาสเห็นเลยก็ได้เพราะทุกครั้งที่เจอกันอีกฝ่ายจะชอบทำหน้าเครียดคิ้วขมวดเกินอายุจริงอยู่เสมอๆ พอมาเห็นยิ้มสดใสแบบนี้แล้วก็รู้สึกเอ็นดูปนหมั่นเขี้ยวในความหน้าซนนั่นไปพร้อมๆกัน
ผมฟูยุ่งเหยิงของบรูซทำให้เขาอยากลูบ ส่วนมือก็ได้ไวดั่งใจสั่ง ยื่นเข้าไปในกลุ่มผมนั้นพร้อมขย้ำเบาๆ เจ้าของทรงผมน่าจะชอบเพราะดูจากการที่ขยับหัวเข้าหาฝ่ามือของเขาพร้อมกับรอยยิ้มโค้งเต็มที่โดยที่ตายังหลับอยู่ พนันได้เลยว่าไม่เกินนาทีบรูซต้องหลับไปอีกรอบแน่ๆ เขากะว่าจะให้บรูซหลับไปอีกรอบเสียก่อนแล้วค่อยออกไปเอาอาหารเช้าเข้ามาให้
จนกระทั่งที่เสียงหายใจดังสม่ำเสมอ เขาจึงได้ถอนมือออกแล้วค่อยๆพาร่างกายลุกจากเตียงให้เบาที่สุด
แน่นอนว่าเขาถูกดึงข้อมือไว้อีกครั้ง
“จะไปไหนกันครับเจเรไมห์” บรูซงัวเงียถาม ตาเบิกขึ้นจากเดิมนิดหน่อย เขาเอียงคอ
“ไม่ใช่หลับไปอีกรอบแล้วเหรอครับมิสเตอร์บรูซ”
“ก็กำลังจะหลับแล้วครับ” บรูซย้อนกลับพร้อมยันตัวเป็นกึ่งนั่งกึ่งนอน “จนกระทั่งที่คุณเลิกเกาหัวนั่นแหละครับ ผมถึงตื่น…จะไปไหนกันครับ” ปลายคิ้วเข้มๆตกลงในขณะที่หัวคิ้วยกขึ้น เขาเหมือนเห็นลูกหมากำลังอ้อนอยู่ยังไงยังงั้น อดไม่ได้ที่จะทำเสียงขึ้นจมูก ยิ้มแล้วกัดริมฝีปากเล็กน้อยพร้อมสั่นหัวไปมาอย่างยอมแพ้
“จะไปเอาข้าวเช้ามาให้ครับ…ทีนี้ก็ปล่อยมือผมได้หรือยังครับ? มิสเตอร์บรูซ”
บรูซส่ายหัวช้าๆสองทีก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วดึงเขาขึ้นไปบนเตียงด้วยอีกครั้ง
เจเรไมห์คร่อมคนบนเตียงไว้ มองใบหน้าทะเล้นนั้น ก่อนจะจูบเบาๆที่ระหว่างหัวคิ้ว บรูซหัวเราะคิกคัก
“บ่ายๆค่อยเข้าไปบริษัทพร้อมกันนะครับ”
“ผมว่าไม่ค่อยดีมั้งครับมิสเตอร์บรูซ”
“ดีครับ ผมกำลังต้องการเลขา” บรูซเลื่อนมือทั้งสองมากอดเอวของเขาไว้ให้ทิ้งน้ำหนักลงไปที่ตน “อีกอย่าง ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกผมว่าบรูซ” แล้วตามด้วยจุ๊บเบาๆที่คางของเจเรไมห์
เขาทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะทันทีที่ความนุ่มสัมผัสที่ปลายคาง ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูก
“คุณหัวเราะบ่อยจังครับเช้านี้” บรูซชมเสียงพร่า
“ผมก็ยังไม่เห็นคุณหุบยิ้มเลยตั้งแต่ตื่นมา” ทั้งคู่กลั้นยิ้มแล้วมองตากันก่อนจะหัวเราะพรืดออกมา เจเรไมห์รู้ตัวว่าควรลุกออกจากตัวบรูซสักที “โอเค ผมควรไปเอาอาหารเช้ามาให้คุณจริงๆนะครับ” แต่มีหรือที่คนเด็กกว่าจะยอมปล่อยไปง่ายๆ บรูซยังคงส่ายหัวทำหน้าไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“Give me a kiss.” บรูซยื่นข้อเสนอ
“With my pleasure.
เจเรไมห์เริ่มจูบคนแรกก่อนอีกครั้ง
Fin
เอาตรงๆว่าคู่นี้ไม่จำกัดโพใดๆเลยค่ะ แค่คู่กันก็อร่อยแล้ว กรุบกริบ
ฟิคเคาะสนิมมากๆ ภาษาแปลกเกินเยียวยาจริงๆ