ฟิคกาว · MHA Fiction · My Fiction

[Kacchako] An angel faces.

An angel faces.

PG

uraraka ochako x bakuko tatsuki

เขาไม่เคยเชื่อว่านางฟ้ามีจริง

จนกระทั่งที่ร่างเล็กๆ นั่นลอยขึ้น เวลาพอดีกับที่พระอาทิตยคล้อยลงหลังพื้นดิน แสงอาทิตย์ย้อมสีท้องฟ้าครามให้กลายเป็นสีส้มหลากเฉดหยอกเย้ากับก้อนเมฆหน้าตาตลก กลีบซากุระฟุ้งกระจายในอากาศเมื่อลมยามเย็นพัดโชยมา เขาจับมือของร่างเล็กนั้นไว้แน่นอย่างกลัวว่าถ้าเผลอปล่อยมือ ถ้าจับมือเล็กๆ นี้ไม่แน่นพอ ร่างนั้นจะบินกลับไปยังสรวงสวรรค์ที่ตนจากมา

เขาไม่เคยเชื่อว่านางฟ้ามีจริง

จนกระทั่งวันนี้

.

.

.

“เอาล่ะ” ประตูห้องเรียนถูกปิดลงพร้อมกับเจ้าของเสียงที่กำลังก้าวเข้าไปที่หน้าชั้นเรียน อาจารย์ไอซาว่าวางแฟ้มเล่มที่ไม่หนาไม่บางเกินไปไว้ตรงตำแหน่งที่ควรจะเป็นบนโต๊ะสำหรับอาจารย์ เขาเปิดมัน กวาดสายตา แล้วปิดไว้แบบเดิม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้านักเรียนทุกคนในคลาส 1-A ที่กำลังมองมาที่เขาอย่างจดจ่อ

“วันนี้เราจะฝึกพัฒนาอัตลักษณ์กัน”

เสียงโห่ร้องอย่างดีใจของเด็กๆ เพราะนั่นเป็นคาบที่พวกเขาชอบที่สุด ใช่แล้ว เพราะมันเป็นคาบเรียนที่ได้ใช้พละกำลังยังไงล่ะ

“ให้มันได้อย่างนี้สิ!” คิริชิม่าดูเหมือนจะเตรียมพร้อมที่สุด ถึงขั้นเปลี่ยนแขนตัวเองเป็นของแข็งตามอัตลักษณ์

“พวกเราไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ-”

“เดี๋ยวก่อน” อาจารย์ไอซาว่าขัดขึ้นก่อนที่ทุกคนจะลุกจากที่ เจ้าพวกเด็กๆ ชะงักกึก บางคนที่ลุกขึ้นแล้วกำลังยืนค้างด้วยท่าทีงงงวย

“วันนี้เป็นการฝึกอัตลักษณ์ที่ห้ามใช้อัตลักษณ์” คนเป็นครูหาวน้อยๆ “เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจับคู่ให้เอง เอาล่ะคู่แรก”

การจับคู่โดยอาจารย์ไอซาว่ายังคงดำเนินต่อ เขาจับคู่โดยใช้การดูว่าสองอัตลักษณ์จากคนสองคนมีจุดร่วมอะไรกัน ปากขานชื่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้คำแนะนำที่แอบเป็นคำสั่งไปพลาง

“บาคุโกคู่กับอุรารากะ” เว้นวรรค หาว แล้วแนะนำ “อัตลักษณ์พวกเธอทั้งสองคนใช้มือเป็นหลักใช่มั้ย” เขามองบาคุโกที่กำลังแยกเขี้ยว ไอ้เด็กคนนี้ต้องฝึกเรื่องการควบคุมอารมณ์อีกเยอะ “ไปจับมือกันซะ แล้วก็อย่าใช้อัตลักษณ์ใส่อีกฝ่าย”

“ห๊า!?” ฝ่ามือเตรียมประทุ สายตาของคนเป็นอาจารย์จ้อง แล้วเจ้าเด็กหัวร้อนก็ใช้อัตลักษณ์ไม่ได้ชั่วคราว

“หมดแล้วสินะ” มือหยิบแฟ้มแนบลำตัว “พรุ่งนี้เขียนรายงานมาส่งฉันที่ห้องพักอาจารย์ไม่เกินเที่ยง เลิกคลาสได้”

“ครับ! /ค่ะ”

.

.

.

อาจารย์ออกจากห้องเรียนไปแล้ว หลายคนเริ่มจับคู่กันและทำตามคำแนะนำที่ได้รับมา ก่อนจะพากันออกไปที่โรงอาหาร เสียงจอแจในทีแรกเริ่มหายไป แล้วไม่นานทั้งห้องก็เหลือแค่สองคนภายในห้องเรียนที่เงียบสนิท

บาคุโกยังคงหัวเสีย เขาไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ของการฝึกแบบนี้ ทำไมต้องฝึกไม่ใช้อัตลักษณ์ ถ้างั้นจะมีอัตลักษณ์เอาไว้ทำไม แล้วเขาจะได้อะไรจากการฝึกแบบนี้ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“บาคุโกคุง”

“อะไร!” ความคิดที่ฟุ้งลอยกลางอากาศนั่นหายไปเพราะเสียงของคนที่ยังเหลืออยู่ เขาไม่ได้รำคาญเสียงนั้นจะบอกว่าเป็นแค่เพียงเสียงเดียวที่เขาไม่รู้สึกรำคาญน่าจะถูกกว่า แต่ไอ้นิสัยเสียของเขาเองที่ทำให้มันเหมือนกับว่าจะกินหัวอุรารากะเข้าไป

“ขอโทษทีนะ” อุรารากะหน้าเสียเล็กน้อย เธอเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากคู่กับเธอ ก่อนจะเสนอทางออกให้เด็กหนุ่มฟัง “จริงๆ เราไม่ต้องจับมือกันก็ได้นะ เดี๋ยวเรื่องรายงานฉันจัดการเองได้ สบายใจได้เลย”

บาคุโกะมองใบหน้าของอุรารากะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาจิ๊ปากอย่างรำคาญ เขาไม่ชอบรอยยิ้มแหยๆ กับใบหน้าแบบนั้นเลยให้ตายสิ

“มานี่” ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปจับข้อมือคนที่ยืนเกาหัวข้างๆ อีกฝ่ายร้องเสียงหลงเพราะตกใจ คงไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้

.

.

.

“อ๊ะ บาคุโกคุง!” อุรารากะโดนลากออกไปที่โรงอาหาร เวลานี้นักเรียนทุกคลาสต่างต่อแถวซื้ออาหารกันเนืองแน่น เพราะไอ้การที่ทุกคนมัวแต่จดจ่อกับอาหารของตัวเองนั่นแหละทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าอันดับหนึ่งของUAกำลังจูงมือผู้หญิงออกมาที่โรงอาหาร ไม่งั้นคงได้เกิดท็อปปิคดังไปทั่วโรงเรียนแน่ๆ

บาคุโกยืนรออาหารโดยที่ยังคงจับมืออุรารากะเอาไว้ เขาเลือกร้านที่อุรารากะเป็นคนเลือกเพราะรำคาญที่จะต้องไปเดินเลือกหาเอง และรำคาญถ้าต้องปล่อยมืออุรารากะเพื่อเดินหาร้านอื่น และรำคาญที่จะต้องเดินหาอีกฝ่ายเพื่อให้กลับมาจับมืออีกครั้ง น่ารำคาญจริงๆ

มีคนตัวใหญ่เบียดเข้ามาจากแถวด้านซ้าย เขาจึงถูกเบียดให้ไหล่ไปชิดกับคนตัวเล็กที่อยู่ทางด้านขวา อุรารากะกล่าวขอโทษพัลวัน เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญหล่อนสักหน่อย จะขอโทษทำไม

“ขอโทษทีนะ”

“จะขอโทษทำไม”

“แหะๆ” อุรารากะยิ้มกว้างหลังคำขอโทษ บาคุโกมองหน้าอีกฝ่ายนิ่งงัน จู่ๆ ข้างในท้องมันก็โหวงเหวง หน้าอกสั่นแบบแปลกๆ

ทำไมเหมือนเท้ามันลอยๆ วะ

“เฮ้ย ยัยหน้ากลม!” เขาเค้นเสียง พร้อมกับก้มลงไปนิดหน่อยเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยิน  “จะใช้อัตลักษณ์ทำไมห๊ะ!?”

อุรารากะงุนงง เธอก้มมองมือที่ถูกจับไว้ แล้วมองคนตัวสูงข้างๆ บาคุโกก็ไม่ได้ลอยไปไหน เท้ายังปกติดีอยู่บนพื้นโรงอาหารที่เงาวับ แถมมือของเราทั้งคู่มันก็เหมือนจะเกี่ยวกันไว้หลวมๆ ซะมากกว่า ฉับพลันภาพของอาจารย์ไอซาว่าก็ผุดขึ้นมาในหัว จุดประสงค์ของการฝึกวันนี้ก็คือการห้ามใช้อัตลักษณ์ใส่อีกฝ่าย หรือเธอดันเผลอใช้อัตลักษณ์โดยที่ไม่รู้ตัวกันนะ

“ขอโทษทีนะ ฉันจะระวังให้มากกว่านี้”

“เออ”

“แต่มือบาคุโกคุงก็…” เธออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าควรจะพูดดีมั้ย แต่ว่านี่คือการฝึกห้ามใช้อัตลักษณ์ เธอต้องพูดแล้วล่ะโอชาโกะ!

“มะ มือบาคุโกคุงเองก็ชุ่มเหงื่อจังเลยนะ” แต่ก็ตามด้วยรอยยิ้มซื่อ จริงๆ เธอรู้สึกมาได้สักพักแล้วแหละว่ามือของบาคุโกชุ่มเหงื่อมาก ที่ไม่กล้าพูดตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะกลัวว่าถ้าอีกฝ่ายรู้ตัวคงจะต้องจุดระเบิดที่ฝ่ามือ เหมือนกันกับถ้าเธอรู้ตัวเธอก็จะใช้อัตลักษณ์เบาหวิวนั่นแหละ

“ห๊าา!” นั่นไง เริ่มแล้ว ใบหน้าฉุนเฉียว ท่าทางเกรี้ยวกราดมันเริ่มเรียกความสนใจของคนโดยรอบ อุรารากะรีบขอโทษ แล้วพยายามห้ามไม่ให้บาคุโกอารมณ์เสียยิ่งกว่านี้ เธอหลับตาปี๋เตรียมรับแรงปะทะ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงแค่บาคุโกปล่อยมือจากเธอ แล้วเช็ดมือตัวเองกับเสื้อนักเรียนอย่างหงุดหงิดแทนการอาละวาด ก่อนจะยื่นมือกลับมาจับมือเล็กๆ ของอุรารากะอีกครั้ง

คิ้วบนใบหน้ากลมๆ ขมวดมุ่ยในทีแรก แต่ก็ถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าบาคุโกไม่ได้อาละวาดอย่างที่จินตนาการไว้

กลับกันถ้าอุรารากะสังเกตดีๆ จะเห็นว่าใบหูของคนตัวสูงกว่าแอบขึ้นสีนิดๆ

บาคุโกรู้สึกว่าในตัวมันเบาหวิว เท้ามันเริ่มลอยอีกแล้ว

หยุดใช้อัตลักษณ์บ้าๆ นั่นสักทีเถอะยัยหน้ากลม!

.

.

.

คลาสเรียนตอนบ่ายดำเนินต่อไปจนถึงช่วงเย็นเลิกเรียน พวกเพื่อนๆ พากันแยกไปเป็นคู่ๆ อีกครั้งเหมือนเมื่อตอนพักเที่ยง ให้เดาว่าน่าจะยังคงฝึกต่อกันอีกสักหน่อยก่อนจะค่อยแยกย้ายกันกลับหอพัก เสียงคามินาริชวนคู่ตัวเองไปเกมเซนเตอร์ก่อนจะตามด้วยเสียงขอไปด้วยของคิริชิม่า ฝ่ายหลังหันมาชวนบาคุโกที่กำลังเก็บของอยู่ที่โต๊ะตัวเอง

“ไปมั้ยพวก”

บาคุโกส่ายหัวเป็นคำตอบ คิริชิม่าไม่ได้ติดใจอะไรก็หันไปชวนคนอื่นต่อ แล้วเดอะแก๊งค์ห้อง1-A ก็พากันยกโขยงไปเกมเซอนเตอร์กันกว่าครึ่งห้อง

บาคุโกกำลังรอ รอให้ทั้งห้องออกไปหมด เพราะเขารู้ว่าคู่ฝึกของตัวเองมักจะเก็บของเสร็จคนสุดท้ายเสมอ ถ้าถามว่าเขารู้ได้ไง ก็ถ้าหัดสังเกตในทุกๆ วันหน่อยก็จะรู้เองนั่นแหละ

“อ้าว บาคุโกคุงยังไม่กลับเหรอ?” อุรารากะที่เก็บของใกล้จะเสร็จถามบาคุโกที่เดินเข้ามาหาที่โต๊ะ เธอเงยหน้าน้อยๆ มองใบหน้าที่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาของอีกฝ่าย

“ไม่ไปกับพวกผู้หญิงเหรอยัยแก้ม” ถามเสียงเรียบเมื่อเห็นอุรารากะเก็บของเสร็จ คนตัวเล็กกว่าสะพายกระเป๋าขึ้นไหล่อย่างคล่องแคล่ว แอบนึกเอะใจนิดหน่อยกับคำว่ายัยแก้มแต่ก็ปล่อยเบลอไป ก่อนจะตอบคำถาม

“ไม่จ๊ะ” เธอก้าวออกนอกห้องเรียนในขณะที่บาคุโกก้าวตามมาเดินอยู่ข้างๆ “พวกซึยุจังแยกไปฝึกกันต่อที่ยิม ส่วนฉันตั้งใจจะไปซื้อของใช้หน่อยน่ะ”

“เหรอ” คนตัวสูงกว่ามองไปข้างหน้า โถงทางเดินในตัวอาคารตอนนี้เต็มไปด้วยนักเรียนจากคลาสอื่นที่เลิกเรียนเวลาเดียวกัน บาคุโกมองกลุ่มเด็กหนุ่มห้องอื่นที่จับกลุ่มกันอยู่ริมหน้าต่างที่ไม่ได้ไกลจากพวกเรานัก เขาเห็นว่าหนึ่งในนั้นมองมาทางอุรารากะแล้วทำท่าเหมือนกำลังจะเดินเข้ามา

มือของทั้งสองเฉียดกันไปมา ไหล่ของอุรารากะชนเข้ากับหน้าอกของบาคุโกบ่อยครั้งเพราะต้องคอยหลบกลุ่มคนที่ยืนคุยกัน ทั้งคนวิ่งและเดินไปมา สายตาก็มองไปเห็นผู้ชายที่แอบมองคนข้างตัวเขาเมื่อกี้กำลังเดินใกล้เข้ามา แถมมือที่ปัดกันอยู่ข้างล่างอย่างไม่ตั้งใจนั่นก็ยิ่งเร้าหรือให้เขาหงุดหงิด

“ชิ”

น่ารำคาญชะมัด แล้วก็คว้ามืออุรารากะมากุมไว้

เจ้าของมือสะดุ้ง ส่งเสียงน่ารักเบาหวิว แล้วมองมือที่ถูกกุมไว้ ก่อนจะมองเงยมองคนข้างๆ อย่างไม่เข้าใจ

“ระ เรายังฝึกไม่จบสักหน่อยยัยหน้ากลม” เสียงตะกุกตะกักของบาคุโกพลอยทำให้คนตัวเล็กเลิ่กลั่กไปด้วย อุรารากะที่ไม่สามารถตอบอะไรไปได้ก็ได้แต่เม้มปากก้มหน้างุด ทำให้ไม่ทันได้เห็นว่าคนตัวสูงส่งสายตาเย็นเฉียบแบบผู้เหนือกว่าให้แก่เด็กหนุ่มต่างห้องที่กำลังเดินมาทางเจ้าตัว

เด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาร้อง ‘โอ้’ ก่อนจะเห็นว่ามือของสาวที่ตนจะเข้ามาทำความรู้จักถูกกุมมือไว้โดยคนตัวโตข้างกัน แปลกชะมัดเลยเพราะเท่าที่เขารู้มานั้น อุรารากะซังยังไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มันอะไรกัน รังสีอำมหิตแสดงความหึงหวงอย่างชัดเจนทำให้เด็กหนุ่มต่างห้องถอยผละออกไปอย่างยอมแพ้

พอเดินพ้นกลุ่มคนลงมาจากตัวอาคารเรียน อาการเดิมมันก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

ตัวเบาหวิว เท้าเหมือนจะเริ่มลอยอีกแล้ว

“นี่! จะใช้อัตลักษณ์ทุกครั้งที่จับมือเลยเหรอยัยหน้ากลม”

อุรารากะขมวดคิ้ว นี่เธอใช้อัตลักษณ์โดยที่ไม่รู้ตัวอีกแล้วอย่างนั้นเหรอ

“แหะๆ ขอโทษทีนะบาคุโกคุง”

.

.

.

มือของบาคุโกไม่ชุ่มเหงื่อแล้ว เธอนึกยินดีกับคนตัวสูงด้วยที่ไม่ใช้อัตลักษณ์กับเธอได้สำเร็จ แต่ก็จะมีแต่เธอนี่แหละที่ยังไม่สามารถทำได้ เพราะบาคุโกคอยบอกอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เดินเข้าย่านการค้าจนกระทั่งซื้อของเสร็จว่าเธอใช้อัตลักษณ์อีกแล้วนะ ส่วนเธอก็หัวเราะแห้งแล้วตอบขอโทษกลับไปทุกครั้ง

มือข้างที่ว่างจากการจับมือกำลังทำหน้าที่ถือไม้เสียบดังโงะสามสี เธองับเข้าปาก เคี้ยวแก้มตุ่ยแล้วส่งเสียงที่บ่งบอกว่าอร่อยมากๆ ออกมา

คนตัวสูงกว่าเห็นการกระทำทั้งหมด แล้วเบนหน้าไปอีกทาง แต่ได้แค่แป๊ปเดียวก็รู้สึกสนใจแก้มตุ่ยๆ นั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆ หันหน้ามาทางอุรารากะอย่างวางมาด แล้วในหน้าอกมันก็กระตุกวูบขึ้นมาดื้อๆ

ถ้าไม่ติดว่ามือข้างที่ว่างจากการจับมือกำลังถือของให้อุรารากะอยู่ เขาคงยื่นมือออกไปบีบแก้มของยัยหน้ากลมเพราะหมั่นเขี้ยวแล้ว

ให้ตายสิ นี่เขาคิดอะไรอยู่เนี่ย

“แบบว่านะบาคุโกคุง” เสียงเรียกของคนตัวเล็กข้างๆ ดึงสติของเขาที่กำลังฟุ้งซ่านให้กลับเข้าร่องรอย เขาถามกลับว่ามีอะไรด้วยโทนเสียงประหลาดชนิดที่ว่าถ้าคิริชิม่าได้ยินต้องคงล้อไปยันเรียนจบแน่ๆ อุรารากะหยุดเดิน เขาก็หยุดเดินด้วย

“วันนี้ขอบคุณมากๆ เลยนะ” รอยยิ้มเจิดจ้าที่สว่างแข่งกันกับดวงอาทิตย์ถูกแต่งแต้มบนใบหน้าน่ารักของคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างอุรารากะ บาคุโกเสียหลักเซไปข้างหลังเล็กน้อยแต่ก็น้อยมากๆ ถ้าไม่ทันสังเกตให้ดี

“เรื่องอะไรล่ะ”

“จะว่ายังไงดีล่ะ” อุรารากะเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง และบาคุโกก็เป็นผู้ตามที่ดี “คิดมาตลอดว่าบาคุโกคุงเป็นคนน่ากลัวตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกัน” ดังโงะลูกสุดท้ายถูกเคี้ยวแก้มตุ่ย บาคุโกเหล่มองแก้มสีชมพูอ่อนๆ นั่นพร้อมกับเงี่ยหูคอยฟังประโยคต่อไป “แถมยังเคยคิดว่าบาคุโกคุงไม่ชอบหน้าเราตั้งแต่จบงานกีฬาUA แต่พอวันนี้ พอได้อยู่ด้วยกันแล้ว บาคุโกคุงน่ะ เป็นคนดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก”

ไม่ได้ไม่ชอบหน้าสักหน่อย เขาแค่ทำตัวไม่ถูกเวลาที่อีกฝ่ายเข้ามาคุยแค่นั้นเอง

“ขอบคุณที่ให้เราได้เห็นอีกด้านของบาคุโกคุงนะ”

คนโดนชมหน้าร้อนผ่าว ทั้งที่อากาศยามเย็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิไม่ได้ร้อนจนเหงื่อไหล ความรู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องถูกเติมเต็มด้วยมวลหมู่ผีเสื้อแกล้งบินว่อนจนรู้สึกจั๊กจี้แบบแปลกๆ เหมือนผีเสื้อพวกนั้นกำลังจะพาร่างเบาหวิวของเขาบินขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับคนข้างๆ เลยล่ะ

“ยะ..อย่าใช้อัตลักษณ์กับฉันนะยัยแก้ม”

“เอ๊ะ?” อุรารากะหันไปมองคนข้างๆ หูแดงจัดของบาคุโกพลอยทำให้เธอหน้าแดง แถมใจเต้นเร็วไปด้วย “ขะ ขอโทษนะ บาคุโกคุง แต่ว่ามัน งื้ออ” เธอเขิน ใช่ เขินมากด้วยเมื่อนึกได้ว่าพูดอะไรออกไปก่อนหน้านี้ ทำยังไงดีโอชาโกะ ทำยังดี ฮืออ

เพราะความเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูกของอุรารากะทำให้เธอใช้อัตลักษณ์ออกมา ร่างของเธอกลายเป็นเบาหวิวและกำลังลอยขึ้น เจ้าคนตัวเล็กใช้หลังมือปิดหน้าไว้หวังว่าจะซ่อนใบหน้าที่แดงซ่านของตัวเองไว้ทั้งที่รู้ว่ามันซ่อนไม่มิดหรอก

“หวา ขะ ขอโทษทีนะบาคุโกคุง ฉันเผลอใช้อัตลักษณ์ไปจนได้” กลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มปลิวไสวเบาๆ ตามแรงลม เธอหัวเราะเสียงใสก่อนจะค่อยๆ แย้มรอยยิ้มกว้างจนแก้มดันให้ตาหยี ทุกอย่างพลันกลายเป็นภาพช้า เข็มเวลาพลันหยุดนิ่งในสายตาของคนด้านล่าง

บาคุโก คัตสึกิไม่เคยเชื่อว่านางฟ้ามีจริง

จนกระทั่งที่ร่างเล็กของอุรารากะ โอชาโกะ ลอยขึ้นกลางอากาศในเวลาพอดีกับที่พระอาทิตยคล้อยลงหลังพื้นดิน แสงอาทิตย์ย้อมสีท้องฟ้าครามให้กลายเป็นสีส้มหลากเฉดโดยมีฝูงนกบินหยอกเย้ากับกลุ่มก้อนเมฆหน้าตาประหลาดอยู่เบื้องหลัง กลีบซากุระฟุ้งกระจายในอากาศเมื่อลมยามเย็นของฤดูใบไม้ผลิพัดโชยมา เสียงหัวเราะใสๆ ของอุรารากะกับกลิ่นหอมของมวลดอกไม้ทำให้เขากลั้นหายใจอย่างลืมตัว

บาคุโกเม้มปาก รับรู้ได้ด้วยตัวเองว่ากำลังหน้าแดงแข่งกับคนที่กำลังลอยอยู่แน่ๆ ทั้งตัวและหัวมันเบาหวิว เหมือนว่าเท้าจะลอยขึ้นนิดนึงเลยล่ะ

“อย่าปล่อยนะ ถ้าปล่อยฉันต้องลอยไปไกลแน่ๆ เลย”

ไม่คิดจะปล่อยอยู่แล้ว เขาจับมือของร่างเล็กที่ล่องลอยนั้นไว้แน่น เพราะกลัวว่าถ้าเผลอปล่อยมือ ถ้าจับมือเล็กๆ ของอุรารากะไม่แน่นพอ ร่างของเธอนั้นจะบินกลับไปยังสรวงสวรรค์ที่ตนได้จากมา

เขาไม่เคยเชื่อว่านางฟ้ามีจริง

จนกระทั่งวันนี้

“ทำหน้าอย่างกับนางฟ้าเลยนะยัยแก้ม”

FIN

จู่ๆก็คิดว่าไอ้คัตถ้าเขินจนตัวลอยต้องโทษว่าเป็นเพราะอัตลักษณ์โอชาโกะแน่ๆ มันน่ารักมากๆเลยค่ะ อร่อยมากๆเลยล่ะ ฮื้ออออออ